วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Learning log 6
Wednesday 18 September 2019


      วันนี้เป็นการนำเสนอการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ทางการศึกษาโดยให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มออกมาสอนตามที่ตัวเองได้รับมอบหมายไว้ ดังต่อไปนี้

1.การจัดการเรียนรู้แบบ ไฮสโคป (High Scope)

การเรียนรู้แบบไฮสโคปตอบโจทย์เด็กรุ่นใหม่ โดย ดร.วรนาท รักสกุลไทย

ไฮสโคป (High Scope) คือ เป็นการสอนที่เน้นการเรียนรู้แบบลงมือทำผ่านมุมเล่นที่หลากหลาย ด้วยสื่อและกิจกรรมที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก และการแก้ปัญหาอย่างกระตือรือร้น โดยการให้โอกาสเด็กเป็นผู้ริเริ่มการเล่นหรือกิจกรรมต่าง ๆ อย่างอิสระ ซึ่งตรงตามทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา (Cognitive Theory) ของเปียเจต์ (Piaget) นักการศึกษาที่สำคัญคนหนึ่งของโลก ความสำคัญในด้านพื้นฐานโดยเฉพาะการสร้างองค์ความรู้ของผู้เรียน จะเน้นการเรียนรู้แบบลงมือกระทำ (Active Learning) เพราะเด็กจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงทำให้เกิดความคิด  ความรู้  ความเข้าใจ และรู้จักลงมือแก้ปัญหาด้วยตนอง

แนวการสอนแบบไฮสโคป (High Scope)  ใช้หลักปฏิบัติ 3 ประการ คือ

1. การวางแผน (Plan) เป็นการกำหนดแนวทางการปฏิบัติ หรือการดำเนินงานตามงานที่ได้รับมอบหมายหรือสิ่งที่สนใจด้วยการสนทนาร่วมกันระหว่างครูกับเด็ก และเด็กกับเด็ก ว่าจะทำอะไร อย่างไร การวางแผนกิจกรรมนี้เด็กอาจแสดงด้วยภาพหรือสัญลักษณ์ประจำตัวเด็กหรือบอกให้ครูบันทึก เป็นกระบวนการที่เด็กมีโอกาสเลือกและตัดสินใจ
2. การปฏิบัติ (Do) คือ การลงมือทำกิจกรรมตามแผนที่วางไว้ เป็นส่วนที่เด็กได้ร่วมกันคิด แก้ปัญหา ตัดสินใจ และทำงานด้วยตนเอง หรือร่วมกับเพื่อนอย่างอิสระตามเวลาที่กำหนดโดยมีครูเป็นผู้ให้คำแนะนำ ช่วยเหลือในจังหวะที่เหมาะสม เป็นส่วนที่เด็กได้มีการพัฒนาการพูดและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมสูง
3. การทบทวน (Review) เด็ก ๆ จะเล่าถึงผลงานที่ตนเองได้ลงมือทำเพื่อทบทวนว่าตนเองนั้นได้ปฏิบัติงานตามแผนที่ได้วางไว้หรือไม่ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร การทบทวนจุดประสงค์ที่แท้จริงคือ ต้องการให้เด็กได้เชื่อมโยงแผนการปฏิบัติงานกับผลงานที่ทำ รวมถึงการเล่าประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้ลงมือทำด้วยตนเอง


จุดเด่นของแนวการสอนไฮสโคป (High Scope)

   การจัดสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ ในเมื่อหลักการของแนวนี้คือให้เด็กริเริ่มกิจกรรมด้วยตนเอง ดังนั้น การจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศก็จำเป็นต้องเอื้อต่อการเรียนรู้ มีการลื่นไหลของกิจกรรม และทำให้เด็กเกิดความรู้สึกกระตือรือร้น

1. พื้นที่ ต้องมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม เพื่อให้เอื้อต่อการเรียนการสอนที่เน้นการเรียนแบบร่วมมือกระทำ มุมสำคัญที่ควรมี คือ มุมศิลปะ มุมหนังสือ มุมบ้าน มุมวิทยาศาสตร์ มุมบล็อก
2. วัสดุอุปกรณ์ สื่อการเรียนและอุปกรณ์ต้องมีมากพอและหลากหลาย เพื่อช่วยให้เด็กได้เรียนรู้พัฒนาแผนการทำงาน และดำเนินการตามแผน
3. การจัดเก็บ เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้เกี่ยวกับวงจรการค้นหา-ใช้-เก็บคืน ดังนั้น การจัดวางสิ่งของในห้องเรียนก็ต้องเอื้อให้เด็กได้เรียนรู้ด้วนตนเอง ครูต้องจัดวางอุปกรณ์ให้เด็กสามารถค้นหาได้ง่าย สะดวก ปลอดภัย เด็กสามารถหยิบมาใช้และเก็บคืนได้เอง กระบวนการทั้งหมดนี้จะช่วยส่งเสริมให้เด็กรู้จัดสังเกต เปรียบเทียบ มีความรับผิดชอบและช่วยเหลือ

2.การจัดการเรียนรู้แบบโครงการ Project Approach

ปฐมวัย Project Approach การสอนแบบโครงการ โดย DLIT PLC

     การสอนแบบโครงการ หมายถึง การจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งซึ่งให้ความสำคัญกับเด็ก
ส่งเสริมให้เด็กแสวงหาคำตอบจากการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึกเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยที่เด็กหรือครูร่วมกันกำหนดเรื่องที่ต้องการเรียนรู้ แล้วดำเนินการแสวงหาความรู้ด้วยกระบวนการแก้ปัญหา โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและจากแหล่งเรียนรู้

Project Approach คืออะไร ?
     
     เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ให้เด็กรูปแบบหนึ่งที่ให้โอกาสเด็กเลือกเรียนรู้ในสิ่งที่เด็กสนใจในสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวเด็ก โดยเชื่อมโยงกับความรู้เดิมและความรู้ใหม่ๆ ตั้งคำถามในสิ่งที่ยังต้องการเรียนรู้หาคำตอบ รวมทั้งดำเนินการวางแผนสำรวจ สืบค้น บันทึก คิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ และคิดอย่างมีวิจารณญาณเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลและความรู้ต่างๆ เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงที่หลากหลายวิธี และสุดท้ายครูและเด็กร่วมกันสรุปเรียบเรียงขั้นตอนการเรีนรู้และสิ่งที่เรียนรู้ออกมาเป็นชิ้นงานและนิทรรศการ
     Project Approach เป็นการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับ Brian-Based Learning อย่างมาก และเหมาะสมกับการส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้ด้วยตนเองไปตลอดชีวิต การสืบค้นกับความสัมพันธ์กับชีวิตประจำวันของเด็กทำให้การเรียนรู้มีความหมายต่อเด็กมาก  การเรียนรู้สามารถเรียนรู้และดำเนินการไปแบบการบรูณาการหลักวิชาและทักษะทางวิชาการต่างๆ และยังทำให้เด็กได้ใช้สมองซีกซ้ายขวาร่วมกันอีกด้วย เช่น การสังเกต คิดวิเคราะห์ หารเหตุผลทำไมถึงเป็นอย่างงั้ลอย่างนี้

การเรียนรู้แบบ Project Approach นี้เป็นออกเป็น 3 ระยะ แต่ละระยะจะประกอบด้วยการเรียนรู้ 5 รูปแบบ ดังนี้ 

Project Approach ระยะที่ 1-เริ่มต้น 

  • เด็กเลือกว่าจะศึกษาเรื่องอะไร โดยให้คุณครูเป็นผู้ให้คำแนะนำ
  • เด็กอ๓ิปรายหรือพุดคุยว่ามีความรู้เดิมของเด้กคืออะไร โดยเป็นเรื่องที่เรีนแล้วบ้าง ครูช่วยบันทึกความคิดเห็นของเด็ก
  • เด็กบอกสิ่งที่เด้กเรียนรู้ ครูช่วยสรุปตั้งคำถาม
  • เด็กพูดคุยหาคำตอบ 
  • เด็กช่วยกันคิดหาคำตอบให้กับคำถาม 
Project Approach ระยะที่ 2-การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนรู้
  • ครูช่วยเด็กวางแผนสืบค้นเพื่อเรียนรู็จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
  • เด็กใช้ของจริง /ภาพ / สิ่งพิมพ์ / หนังสือหรือคอมพิวเตอร์ต่างๆ ในการสืบค้นของมูลโดยให้คุณครูคอยช่วยเหลือ
  • ระหว่างการทำกิจกรรมเด็กสามารถประชุมร่วมกันและนำเสนอรายงานสิ่งที่เด้กค้นคว้า คุณครูส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กตั้งคำถามและให้ความคิดเห็น
  • เด็กวาดภาพ 
  • ใช้ช่วงเวลาของการรวรวมข้อมูลนี้ เด็กควรใช้ทักษะต่างๆที่หลากหลาย
Project Approach ระยะที่ 3-การสรุป Project Approach 
  • เด็กอภิปรายถึงหลักฐานต่างๆที่ได้สืบค้น
  • เด็กช่วยกันวางแผนจัดการแสดงให้พ่อแม่ผู้ปกครองและเพื่อนในห้องเรียน
  • เด็กช่วยกันจัดแสดงแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับ Project Approach 
3.การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา STEM 

STEM กิจกรรมแพบรรทุกไข่มังกร 

    สะเต็มศึกษา คืออะไร ? 

    “สะเต็ม” หรือ “STEM”  เป็นคำย่อจากภาษาอังกฤษของศาสตร์  4 สาขาวิชา  ได้แก่  

วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี(Technology) วิศวกรรมศาสตร์  (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) แนวคิดในเรื่องสะเต็มศึกษานั้น   เป็นกระบวนการเชิงระบบแบบวิทยาศาสตร์  ที่นำมาเชื่อมโยงในกระบวนการเรียนรู้ การสร้างสรรค์ผลงานหรือชิ้นงานจากการคิดค้น การแก้ปัญหา การคิดวิเคราะห์ ซึ่งสามารถเตรียมความพร้อมสำหรับนักเรียน โดยนำสิ่งที่เรียนรู้ในระบบโรงเรียนไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ มีแนวคิดหลักในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน  5 ข้อ คือ
         1. ครูต้องเน้นการบูรณาการ
         2. ครูต้องช่วยให้นักเรียนมีความเชื่อมโยงระหว่างเนื้อหาวิชาที่เรียนกับที่ได้เรียนไปแล้ว
         3. เน้นการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21
         4. ท้าทายความคิดของผู้เรียน
         5. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็นและทำความเข้าใจที่สอดคล้องกับเนื้อที่เรียน

วิทยาศาสตร์
ตัวอักษรตัวแรกของ STEM คือ S มาจากคำว่า Science หรือวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นสาระที่ศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติรอบตัว มีแนวทางจัดการเรียนรู้ดังนี้
1. โดยปกติเด็กอนุบาลมักจะมีความช่างสงสัย มีคำถามตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่สำหรับเด็กอนุบาล เราไม่ได้เน้นว่าเด็กต้องรู้สิ่งรอบตัวทุกชนิด ความรู้ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ
2. สิ่งที่ต้องการ คือ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ นั่นคือทักษะการสังเกต สำรวจ ทดลอง คาดคะเน ตั้งสมมติฐาน การค้นพบ การสืบค้น เป็นต้น
3. บทบาทของวิทยาศาสตร์ในSTEMยังมีส่วนในการช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ มีทักษะที่สำคัญในการสืบค้นข้อมูลความรู้ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลายและตรวจสอบได้

เทคโนโลยี
ตัวอักษรตัวที่สอง คือ T มาจากคำว่า Technology หรือเทคโนโลยี ซึ่งเป็นทักษะการใช้เครื่องมือต่างๆ การสร้าง การคิด มีแนวทางจัดการเรียนรู้ดังนี้
1. การให้เด็กอนุบาลตัด ติด ต่อกระดาษให้เป็นรูปทรงที่ต้องการและเกิดขึ้นได้ก็ล้วนเป็นเทคโนโลยีในการสร้างสรรค์
2. บทบาทของเทคโนโลยีในสะเต็มศึกษานี้จะพัฒนาให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการคิด แก้ปัญหา ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล
3. นอกจากนี้ยังเป็นการพัฒนานิสัยความรอบคอบ ความเพียร ไม่ย่อท้อต่อความล้มเหลวหรือความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นในขณะทำกิจกรรม

วิศวกรรมศาสตร์
ตัวอักษรตัวที่สามคือ E มาจากคำว่า Engineering หรือวิศวกรรมศาสตร์ มีแนวทางจัดการเรียนรู้ดังนี้
1. วิศวกรรมในที่นี้หมายถึงการวางแผนเพื่อแก้ปัญหา
2. การใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่มีมาประยุกต์ เช่น ไม้บล็อก เศษวัสดุเหลือใช้ มาออกแบบ สร้างสรรค์ผลงานภายใต้เงื่อนไขที่ครูกำหนดขึ้น หรือสิ่งที่เด็กอยากทำ
3. บทบาทของวิศวกรรมศาสตร์ในสะเต็มศึกษานี้ จะช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ การคิดแก้ปัญหา การคิดเป็นเหตุเป็นผล การคิดเป็นระบบ
4. เป็นการฝึกนิสัยความเพียร ความรอบคอบ

คณิตศาสตร์
ตัวอักษรตัวสุดท้าย คือ M มาจาก Mathematics หรือคณิตศาสตร์ มีแนวทางจัดการเรียนรู้ดังนี้
1. เป็นเรื่องเกี่ยวกับชั่ง ตวง วัด จำนวน รูปร่าง รูปทรง เรขาคณิต พีชคณิต การวิเคราะห์ข้อมูลและความน่าจะเป็น และทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์
2. บทบาทของคณิตศาสตร์ในสะเต็มศึกษานี้จะช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหา การคิดเป็นเหตุเป็นผล
3.พัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะการสื่อสารและการนำเสนอให้ผู้อื่นเข้าใจได้

ประเมินตนเอง : เข้าเรียนรงต่อเวลา แต่งกายเรียบร้อย

ประเมินเพื่อน :เพื่อนตั้งใจทำกิจกรรมมานำเสนอ

ประเมินอาจารย์ :ให้คำแนะนำและปรับเปลี่ยนในแต่ละกิจกรรม อธิบายอย่างละเอียดทำให้นักศึกษาเข้าใจในสิ่งที่อาจารย์สอนและปรับแก้มากขึ้น

วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Learning log 5
Monday 9 September 2019

   วันนี้อาจารย์ได้ให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมาสอนหรือสาธิตกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะของตนเองให้อาจารย์ดูและให้นักศึกษาเข้าใจในแต่ละขั้นตอนมากยิ่งขึ้น 




ประเมินตนเอง   :ตั้งใจฟังและออไปช่วยเป็นนักเรียนให้เพื่อนค่ะ

ประเมินเพื่อน    :เพื่อนเข้าเรียนตรงต่อเวลา มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเพื่อนคนอื่นๆได้เป็นอย่างดี

ประเมินอาจารย์ :อาจารย์ได้แนะแนวทางการสอนการเคลื่อนไหวและจังหวะอย่างละเอียด

วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2562

Learning log 4
Monday 2 September 2019



    วันนี้อาจารย์ได้ให้นักศึกษาเขียนแผนการจัดประสบการณ์การสอนในกิจกรรมของตนเอง กิจกรรมพื้นฐาน กิจกรรมสัมพันธ์เนื้อหาและกิจกรรมผ่อนคลายกล้ามเนื้อ 

กิจกรรมพื้นฐาน 
1.ให้เด็กๆหาพื้นที่ของตนเองโดยใช้อวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายเว้นระยะห่างกับเพื่อนรอบข้างพยายามไม่ให้อวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายชนกับเพื่อน
2.ให้เด็กๆเคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะที่คุณครูกำหนดให้ ดังต่อไปนี้
                 เคาะ 1 ครั้ง ให้เด็กก้าวไปข้างหน้า 1 ก้าว
                 เคาะ 2 ครั้ง ให้ก้าวไปข้างหน้า 2 ก้าว 
                 เคาะรัว ก้าวไปข้างหน้าไปรอบๆห้องจามจังหวะการเคาะ 
       เมื่อเคาะ 2 ครั้งติดกัน ให้หยุดอยู่กับที่ 

กิจกรรมสัมพันธ์เนื้อหา
3.ให้เด็กออกมาเคลื่อนไหวโดยทำท่าทางตามจินตนาการของตนเองตามคำบรรยายดังนี้ "ในตอนเช้าเด็กตื่นนอนคุณแม่บอกให้เด็กๆไปเก็บไข่ในเล้าไก่ เด็กๆหิ้วตะกร้าคนละ 1 ใบแล้วพากันไปเก็บไข่ในเล้าเพื่อนำมาให้คุณแม่ไปประกอบอาหาร มาถึงห้องครัวเด็กๆก็ได้หยิบไข่ออกจากตะกร้าทีละ 1 ใบ 2 ใบ 3 ใบ....10 ใบ จากนั้นเด้กๆก็ช่วยแม่ทำอาหารแล้วนำมารับประทานโโยหยิบช้อนขวามือและหยิบส้อมซ้ายมือ อาหารมื้อนี้อร่อยที่สุดในโลกเลย 

กิจกรรมผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
4.ให้เด็กๆนอนราบกับพื้น ทำตัวตามสบายสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ

ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียน ทำงานที่อาจารย์ได้มอบหมาย

ประเมินเพื่อน : เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียน ทำงานที่อาจารย์ได้มอบหมายอย่างตั้งใจ

ประเมินอาาจารย์ : อธิบายงานอย่างละเอียด แนะนำวิธีการสอนให้เด็กเข้าใจและง่ายสำหรับนักศึกษา

Learning log 3
Monday 26 August 2019

มาตรฐานคุณลักษณะอันพึ่งประสงค์ 

  • พัฒนาการด้านร่างกาย ร่างกายเติบโตตามวัยเด็กมีสุขนิสัยที่ดี
  • พัฒนาการด้านอารมณ์-จิตใจ มีสุขภาพจิตดี มีความสุข
  • พัฒนาการด้านสังคม มีทักษะชีวิตในการปฏิบัติตน
  • พัฒนาการด้านสติปัญญา ใช้ภาษาสื่อสารได้เหมาะสมกับวัย
ประสบการณ์สำคัญ
  1. ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย  ให้เด็กได้มีโอกาสพัฒนาการใช้กล้ามเนื้อใหญ่ กล้ามเนื้อเล็ก การประสานสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเนื้อและระบบประสาท
  2. ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์-จิตใจ ให้เด็กได้แสดงออกอารมณ์และความรู้สึกที่เหมาะสมกับวัย มีความสุข ร่างเริง แจ่มใส  ได้พัฒนาความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและความเชื่อมั่นในตนเอง
  3. ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคม ให้เด็กได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับบุคคลและสิ่งแวดล้อมต่างๆรอบตัวในชีวิตประจำวัน ได้ปฏิบัติกิจกรรมต่างๆและปรับตัวอยู่ในสังคม
  4. ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญา ให้เด็กได้รับรู้และเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัวในชีวิตประจำวันผ่านปรัสาทสัมผัสทั้งห้าและการเคลื่อนไหว 
สาระที่ควรเรียนรู้
   สาระที่จะให้เด็กช่วงอายุ 2-3 ปี ควรเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเด็กเป็นลำดับแรกแล้วจึงขยายไปสู่เรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเด็กเพื่อนนำไปใช้ในกำรดำเนินชีวิตประจำวัน เด็กควรได้รับกำรอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับวัย ดังนี้
  1. เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก เด็กควรที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับชื่อเพศของตนเอง การเรียกชื่อส่วนต่างๆของใบหน้าและร่างกาย
  2. เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก  เด็กควรเรียนรู้เกี่ยวกับบุคคลภายในครอบครัวและภายนอกครอบครัว การรู้จักชื่อเรียกหรือสรรพนามแทนตัวญาติหรือผู้เลี้ยงดู
  3. ธรรมชาติรอบตัว เด็กควรเรียนรู้เกี่ยวกับการสำรวจสิ่งต่างๆรอบตัว ในธรรมชาติรอบตัว เช่น สัตว์ พืช ดอกไม้ ใบไม้ ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า 
  4. สิ่งต่างๆรอบตัวเด็ก เด็กควรเรียนรู้เกี่ยวกับชื่อของเล่นของใช้รอบตัว การเชื่อมโยงลักษณะหรือคุณสมบัติง่ายๆ ของสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวเด็ก 
       หลังจากได้เรียนไปข้างต้นแล้วอาจารย์ได้ให้แบ่งกลุ่มเป็น 5 กลุ่มและให้เขียนสาระการเรียนรู้เพื่อนำมาจัดประสบการณ์ 6 กิจกรรมให้กับเด็ก 

กลุ่มหนูคือกลุ่มที่ 5 แรกรับประทับใจ
1.ชื่อครูประจำชั้น ครูพี่เลี้ยง ชั้นเรียนและตัวเด็ก
2.ของใช้ของเด็ก 
   -แปรงสีฟัน
   -แก้วน้ำ
   -ผ้ากันเปื้อน
   -ที่นอน
   -รองเท้าแตะ
   -ชุดลำรอง
3.การเก็บของเข้าที่
4.การปฏิบัติตนในการใช้ห้องน้ำและห้องส้วม
5.การปฏิบัติตนในการรับประทานอาหาร

กลุ่มที่ 1 เรื่อง ต้นไม้

กลุ่มที่ 2 เรื่อง นม

กลุ่มที่ 3 เรื่อง ครอบครัวหรรษา

กลุ่มที่ 4 เรื่อง ยานพหนะ 

ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานที่อาจารย์ได้รับมอบหมาย

ประเมินเพื่อน : เพื่อนตั้งใจเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา ช่วยกันตอบคำถามให้ความร่วมมือดีเยี่ยม

ประเมินอาจารย์ : อธิบายละเอียดเข้าใจง่าย 


วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2562

Learning log 2
Monday 19 August 2019



   วันนี้อาจารย์ได้เรียนและทบทวนความจำในเรื่อง หลักการจัดประสบการณ์สำหรับเด็กปฐมวัย เพื่อให้นักศึกษาได้รื้อฟื้นความจำเก่าๆได้และเข้าใจกับสิ่งที่เรียนมากขึ้น 

ความหมายของพัฒนาการ (Development)
พัฒนาการ คือ การก้าวหน้าจากระยะหนึ่งไปอีกระยะหนึ่ง ทำให้เด็กมีลักษณะและความสามารถใหม่ๆซึ่งทำให้เกิดความเจริญก้าวหน้าตามลำดับทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา

ความหมายลักษณะพัฒนาการ
ลักษณะของพัฒนาการ คือ การเปลี่ยนแปลงในแต่ละขั้นตอนอย่างต่อเนื่องตามลำดับขั้นของ "เพียเจต์ " พัฒนาการให้เด็กเรียนรู้ตามประสาทสัมผัสทั้ง 5 และต้องให้เด็กเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเองอย่างสนุกสนาน เรียกว่า "การเล่น " การเล่นเป็นวิธีการที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้
ตัวอย่าง เช่น การทำงานของสมองโดยเอาฟองน้ำมาถูกับกระดาษใช้สีแดงหยดลงบนกระดาษและตามด้วยสีน้ำเงินหยดทำให้เกิดเป็นสีม่วง วิธีการนี้เป็นการเกิดการปรับโครงสร้างใหม่ขึ้น

ความหมายของวิธีการสอน
    วิธีการสอน คือ ขั้นตอนที่ผู้สอนดำเนินการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ด้วยวิธีการต่างๆ
ที่แตกต่างไปตามองค์ประกอบและขั้นตอนสำคัญอันเป็นลักษณะเฉพาะหรือลักษณะเด่นที่ขาดไม่ได้ของวิธีนั้นๆ

เครื่องมือที่จะช่วยในการสอน มีดังนี้
1.สื่อ
2.คำคล้องจอง
3.นิทาน
4.เพลง
5.อื่นๆ

ต่อมาอาจารย์ได้สอนเพลงสำหรับเด็กปฐมวัยมีแต่เพลงสนุกและเหมาะสมกับเด็กปฐมวัย


 เพลง: สวัสดีคุณครู
สวัสดีคุณครูที่รัก
หนูจะตั้งใจอ่านเขียน
ยามเช้าเรามาโรงเรียน (ซ้ำ)
หนูจะพากเพียน ขยันเรียนเอย





เพลง : อาหารดี
อาหารสุก สุก
ผักสะอาด เราไม่พลาดกินจนอิ่ม
หน้าตาแย้มยิ้ม 
กินให้อิ่ม กินข้าวจนหมด


เพลง : มากินข้าวสิ
มากินข้าวซิ มากินข้าวซิ
กับดีดี กับดีดี
มีทั้งแกงและต้มยำ มีทั้งแกงและต้มยำ
อำ อ่ำ อำ อำ อ่ำ อำ


เพลง : ล้างมือ
ล้างมือเสียก่อน
ก่อนจะกินอะไร
ล้างมือเข้าไว้
เราปลอดภัยสะอาด
ล้างมือเสียก่อน ล้างมือเสียก่อน ล้างมือเสียก่อน


เพลง : แปรงฟัน
แปรงซิแปรง แปรง ฟัน 
ฟันหนูสวยสะอาดดี
แปรงขึ้นแปรงลงทุกซี่
สะอาดดีเมื่อหนูแปรงฟัน

เพลง : คุณธรรมนำชีวิต
นั่งขัดสมาธิให้ดี
สองมือพับลงทันดี
หลับตาตั้งตัวตรงซี
ตั้งสติให้ดี ภาวนาในใจ พุธโธ พุธโธ


เพลง : หมดเวลา บ๊ายบาย
วันนี้หมดเวลา บ๊ายบายนะเธอ
คิดถึงเธอเสมอโบกมือ บาย บาย


เพลง : ลาคุณครู
ลาแล้ว ลาก่อน
หนูรักคุณครู 
คิดถึงคุณครู 
ลาแล้ว ลาก่อน สวัสดีคุณครู

เพลง : หนูไปโรงเรียน
ตื่นเช้าแปรงฟันล้างหน้า 
อาบน้ำแล้วมาแต่งตัว
กินอาหารของดีมีทั่ว  
หนูเตรียมตัวจะไปโรงเรียน
สวัสดีคุณพ่อคุณแม่
ไม่รีรอรีบไปโรงเรียน
ลั้นลาลันลาลันลา ลั่นลันลา ลั่นลา ลั่นล้า

เพลง : ปี เดือน วัน
หนึ่งปีนั้นมีสิบสองเดือน
อย่าลืมเลือนจำไว้ให้มั่น
หนึ่งสัปดาห์ นั้นมีเจ็ดวัน
อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ
พฤหัส ศุกร์ เสาร์

เพลง : ดื่มนม
ดื่มนมนั้นดีหนักหนา
ช่วยให้กายาของเราเติบโต
ฉันชอบดื่มนมทุกวัน
เพื่อให้ตัวฉัน ทั้งสวย ทั้งโก้
ใครเป็นคนเก่ง
ขอเชิญมาเบ่ง ดื่มนมแก้วโต
คุณครูก็รัก ใคร ๆ ก็ชม
แก้มป่องตากลม เพราะนมแก้วโต


วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2562

Learning log 1
Monday 5 August 2019 

    วันแรกของการเปิดเทอมและเป็นวันแรกของการเรียน วันนี้อาจารย์ได้พูดคุยเกี่ยวกับวิชาเรียนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ทางการศึกษาปฐมวัย พร้อมให้แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คนมอบหมายงานเกี่ยวกับแผนการศึกษาของแต่ละกลุ่มและมอบหมายงานเดี่ยวโดยการหาวีดีโอของรายวิชานี้ในโทรทัศน์ครู

 

ประเมินตนเอง :เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจฟังในสิ่งที่อาจารย์พูด

ประเมินเพื่อน :เพื่อนเข้าเรียนตรงต่อเวลา ตั้งใจฟังในสิ่งที่อาจารย์พูด มีความพร้อมที่จะเรียน

ประเมินอาจารย์ผู้สอน :พูดน่าฟัง อธิบายเนื้อหาวิชาเรียนอย่างละเอียด